มีคนบอกว่า "การแสวงหารักแท้ นั้นยากนัก
แต่การที่จะรักษารักแท้นั้นไว้ยากยิ่งกว่า"
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำลายความรักก็คือ
การลืมให้สนิทว่าคนรักของคุณไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดา
คุณอาจจะเห็นเขาหรือหล่อนเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดาที่วิเศษเลอเลิศเหนือมนุษย์ก็ได้
มนุษย์ธรรมดานั้นสามารถจะทำให้คุณเสียใจ ผิดหวังหรือสร้างปัญหาให้คุณสารพัด
ดังนั้นหากคนรักของคุณเป็นมนุษย์ธรรมดา
เขาหรือหล่อนก็ย่อมจะทำให้คุณเสียใจหรือผิดหวังได้ทุกขณะ
เวลาที่คุณเห็นคนรักทำอะไรไม่สบอารมณ์หรือเห็นว่าทำผิดนั้น
วิธีที่ดีที่สุดก็คือเฉยเสีย ปล่อยให้เขาหรือหล่อนคิดเอาเองว่าคุณรู้สีกอย่างไร
จงอย่าเปิดฉากต่อว่าต่อขานกัน
เพราะการมีปากเสียงถกเถียงกันนั้นจะไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร
ซ้ำร้ายอาจทำให้เกิดความสูญเสียที่เรียกกลับคืนไม่ได้อีกด้วย
เมื่อคุณต่อว่าเขาหรือหล่อนไปแล้วคุณอาจรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ
แต่ความเสียใจจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
เพราะคำพูดนั้นได้เข้าไปฝังอยู่ในใจของเขาหรือหล่อนเสียแล้ว
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ความรักของคุณกับเขายังดำรงอยู่ต่อไปก็คือ ต้องให้อภัย
การให้อภัยนั้นทำได้ง่าย ๆ เพียงแต่คุณลดความยึดมั่นถือมั่นลงสักหน่อยก็ย่อมจะทำได้
ความจริงแล้วคุณกับคนรักคือคนสองคนที่มีสิทธิเท่าเทียมกันทุกประการ ไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน
(โปรดฟังอีกครั้ง)
ความคิดของคุณกับคนรักจะไม่ตรงกันทั้งหมด
ความสนใจของคุณกับของคนรักก็ไม่ตรงกันทุกอย่างทุกเวลา
คนที่พยายามทำตัวเป็นคน ๆ เดียวกับคนอีกคนหนึ่งนั้นคือคนที่มีปัญหา
ความมั่นคงทางจิตใจอาจบกพร่อง...
แม้ว่าเราจะพูดถึงความรักได้อย่างง่าย ๆ แต่ความรักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เข้าใจกัน
มันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนไม่คงที่
ถ้าหวงแหนมากเกินไปมันก็อาจตายไปเองได้
หากไปจำกัดที่หรือขอบเขตเกินไป ก็อาจเปลี่ยนสภาพเป็นความเกลียดได้
ถ้าไปบีบบังคับมาก ๆ มันก็อาจหายไปไม่ปรากฏตัวให้เห็น
สรุป
เราควบคุมความรักไม่ได้ แต่ดูแลฟูมฟักได้
เมื่อวาน – 8 ตค
เป็นวันที่ตื่นมาแล้วรู้สึกใจสงบ
เป็นหนึ่งวันที่ผมตั้งใจว่าจะหาอ่านหนังสือ
เป็นหนึ่งวันที่ผมจะไม่ทำอะไรที่ต้องใช้สมอง
ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นยังไงไม่มีความหมาย
ใครจะพูดอะไร ยังไง --ไม่ใส่ใจ
ไม่ทำความเข้าใจกับสิ่งใด
หาหนังสือสักเล่ม
นั่งอ่านสบายๆ ใต้ต้นไม้
ฟังเพลงสบายๆ ไปด้วย
หยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้
โลกที่มีเพียงแค่ผมกับหนังสืออีกเล่ม
นานๆ ที ถ้าได้ทำแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

โดยคุณดำรงค์ วงษ์โชติปิ่นทอง จากหนังสือ เกาเวลา
คนเรามีเวลาเท่าๆ กัน
ทำไมบางคนถึงมีความสุขมากกว่าอีกคน
ทำไมบางคนทำงานหนักกว่าบางคน
ทำไมบางคนถึงรวยกว่าบางคน
แท้จริงแล้ว เราต้องการหาความสุขของชีวิต
ไม่ผิดอะไรที่เรากำลังตามหาความฝัน อยากจะประสบความสำเร็จ
ในบางครั้งเราอาจลืมไปว่าสมัยเด็กๆ เราก็มีความสุขมากมาย
โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินทองมากมาย รถยนต์ราคาแพง หรือตำแหน่งใหญ่โต
หรืออะไรทั้งหลายเหล่านั้น
เราอาจจะหลงใหลไปกับเปลือกนอก วัตถุต่างๆ ที่ทำให้เราอยากมี
จนทำให้เราเดินสวนทางกับความสุขที่แท้จริง
เราจำเป็น ต้องทำงาน แต่อย่าให้ งานทำเรา จนเดินหลงทาง
บางครั้ง ความสุขในชีวิตของเรา อาจเกิดขึ้น ง่ายๆ โดยที่เราลืมไป
เพราะเราหลงมัวเมากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่พาใจให้เราเดินหลงทาง
เราเคยมีความสุขไม่ใช่หรือ กับเวลาที่เราได้ทานข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว
เราเคยมีความสุขไม่ใช่หรือ กับเวลาที่เราได้หยอกล้อกับเพื่อนๆ ที่เรารัก
เราเคยมีความสุขไม่ใช่หรือ กับเวลาที่เราได้ดูหนังรอบค่ำกับคนรัก
เราเคยมีความสุขไม่ใช่หรือ กับเวลาที่เราได้ดูหนังรอบค่ำกับคนรัก
เราเคยมีความสุขไม่ใช่หรือ กับเวลาที่นั่งรถหลายๆ คนไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน
เราเคยมีความสุขไม่ใช่หรือ กับอะไรหลายๆ อย่างที่เราเคยทำ
เพียงแต่เราหลงลืมมันไปเท่านั้น
เราสามารถทำมันได้อีกครั้ง
เราไม่จำเป็นต้อง ย้อนเวลา กลับไปเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เราเพียงแค่ ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ทำมันให้ดีที่สุดก็พอ
เส้นทางลัดตรงและเส้นทางคดเคี้ยวดำรงอยู่โดยสัมพันธ์กัน
ถ้าไม่มีเส้นทางคดเคี้ยวดำรงอยู่
ก็ไม่มีเส้นทางลัดตรงปรากฏ
แต่ก็เพราะ มีเส้นทางลัดตรง จึงยิ่งสะท้อนคุณค่าอันพิเศษของเส้นทางคดเคี้ยว
เส้นทางตรง และ เส้นทางคดเคี้ยว ต่างมีความหมายในตัว
ระหว่างจุดสองจุด ความห่างในแง่ เส้นตรงย่อมใกล้กว่าเส้นคด
------------ แต่ในชีวิตที่เป็นจริงนั้น
เส้นทางคดเคี้ยวอาจช่วยให้เราถึงจุดหมายได้ง่ายกว่า
การแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตนั้น
ไม่มีวิธีการสำเร็จรูปที่จะนำมาใช้ครอบคลุมได้ทั้งหมด
ทุกปัญหาต้องแสวงหาคำตอบจากหลายๆ ทาง เพื่อขจัดความยุ่งยาก
การแสวงหา ก็คือ เส้นทางคดเคี้ยว
เส้นทางชีวิตของตน จะต้องบุกเบิกด้วยตนเอง
การเดินเส้นทางของคนอื่น ถึงจะประหยัดแรง
แต่ไม่มีชีวิตชีวา อีกทั้งไม่แน่ว่าจะเดินไปได้ตลอดรอดฝั่ง
เส้นทางชีวิตนั้นใหม่ทุกวัน พรุ่งนี้จะเดินอย่างไร เราต้องบุกเบิกเอง
เส้นทางชีวิตไม่ได้ราบเรียบลัดตรง แต่เลี้ยวลดคดเคี้ยว เป็นหลุมเป็นบ่อ
บางครั้งก็สนุกสนาน
บางครั้งก็น่าวิตกกังวล
บางครั้งเพลี่ยงพล้ำ
บางครั้งถูกขัดขวาง
ต้องแผ้วถางทางใหม่ๆ
การแสวงหาของแต่ละคนแตกต่างกันไป
สภาพที่ประสบพบเห็นก็ไม่เหมือนกัน
เรื่องเดียวกัน แต่ใช้วิธีการต่างกัน ก็อาจได้ผลตรงกันข้าม
เพราะฉะนั้น การมีทัศนคติเดินเส้นทางคดเคี้ยว
เตรียมตัวจ่ายความเหนื่อยยากลำบาก และค่าทดแทนตลอดเวลา
รับผิดชอบตนเองด้วยจุดยืนต่อชีวิต
ทำให้เราไม่ละอายตนเองในฐานะนักแสวงหา
การเดินเส้นทางคดเคี้ยว ใช่ว่าเป็นเพราะไม่ต้องการเดินเส้นทางลัดตรง
ถ้ามีเส้นทางที่เหมาะกว่า ย่อมต้องเลือกเดิน
การพลิกแพลงที่มีการตระเตรียม ก็คือการตระเตรียมตนเองจากจุดที่ยากลำบากและซับซ้อนมากที่สุด
ถ้าเตรียมกันแบบง่ายๆ หรือด้านเดียว ก็จะทำให้เราเกิดอาการลน เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา
กาเริ่มจากเส้นทางคดเคี้ยว ก็คือ
การแสดงออกซึ่งการเตรียมตัวจากจุดที่ยากลำบากที่สุดนั้นเอง
ตอนนี้ก็มีหัวข้อจะเขียนเยอะแยะ
ลองโหวตๆ ดูป่ะครับว่าอยากให้เขียนเรื่องไหนก่อน
จิงๆ ก็มีคนอ่านประมาณ สองคน ก็โหวตกันมาแค่นั้นแหล่ะครับ
public
- public mind
- ฟุตบอล thai
- ศักดิ์ นานา drift
- fire fox Add-On
- Window เจ๊ด
private
- color of sky
- book : เกาเวลา
- direction importance than speed and fav quote “ ยึดเป้าหมายเป็นหลัก วิธีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์”
- หมากล้อม กับ ชีวิต
ฯลฯ แค่นี้ก่อนละกัน
ฮ่าๆ
หนึ่งในคำถามที่เจอบ่อยในช่วงนี้ก็คือ
ทำไม เรียนต่อที่เดิมหล่ะ ?????
(ผมเรียนต่อ สาขาเดิม ที่ม.เดิม คณะเดิม)
สาเหตุหลักๆ ที่ผมตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะว่า
ผมอยากพิสูจน์อีกรอบ
ว่าผมเรียนได้รึเปล่า ผมโง่จริงๆ มั้ย
เพราะตอนป.ตรี ปีหนึ่ง เกรดผมเน่ามาก
จบมาได้ไงไม่รู้ ทำเอาเสียเส้นเหมือนกัน
จริงๆ ตามแผนที่ผมกำหนดไว้
ผมกะทำอะไรเล่นๆ ไปก่อนสักปีหลังจากเรียนจบป.ตรี
แล้วค่อยมาเรียนต่อ
แต่พอดีดันสอบได้ก่อน ก็เรียนซะเลย –*-
ซึ่ง ตอนป.โท ปีหนึ่ง ผมก็ดันปรับตัวเกือบไม่ได้
เกือบเน่าอีกรอบ
โชคล้วนๆ เลยครับ
ตอนนี้ ค่อนข้างโอเคละ
สถานการณ์ ยังอยู่ในภาวะปกติ ไม่มีเรื่องยุ่งยากมาก
:D
ขอบคุณ ทุกคนที่ช่วยเหลือครับ
ทั้งช่วยแบบรู้ตัว และไม่รู้ตัว
ผมจะต้องตอบแทนคืน แน่นอนครับ :p
Hello, can you hear me
Am I getting through to you
Hello, is it late there
There's a laughter on the line
Are you sure you're there alone
'Cause I'm trying to explain
Something's wrong, you just don't sound the same
Why don't you, why don't you
Go outside, go outside
Kiss the rain whenever you need me
Kiss the rain whenever I'm gone too long
If your lips feel lonely and thirsty
Kiss the rain and wait for the dawn
Keep in mind, we're under the same sky
And the nights as empty for me as for you
If you feel you can't wait till morning
Kiss the rain, kiss the rain
Kiss the rain
- Hello, do you miss me
I hear you say you do
But not the way I'm missing you
What's new, how's the weather
Is it stormy where you are
'Cause I'm so close but it feels like you're so far
Oh would it mean anything
If you knew what I'm left imagining
In my mind, in my mind
Would you go, would you go
Kiss the rain
And you'd fall over me
Think of me, think of me
Think of me, only me
- Kiss the rain whenever you need me
Kiss the rain whenever I'm gone too long
If your lips feel lonely and tempted
Kiss the rain and wait for the dawn
Keep in mind, we're under the same sky
And the nights as empty for me as for you
If you feel you can't wait till morning
Kiss the rain, kiss the rain
Kiss the rain
Kiss the rain (kiss the rain)
Hello, can you hear me
Can you hear me
Can you hear me
Title: Billie Myers - Kiss The Rain lyrics
Artist: Billie Myers Lyrics
credit : mom@pantip >http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/O3019369/O3019369.html
ชอบเพลงนี้
เพิ่งไปเจอรูปอีก
cool song
27 มิย. รถล้มอ่ะ ค้าบ
โดนแมงกะไซ ตัดหน้า
ก็เลยเหยียบเบรคซ้า
ไม่งั้นคงชน อ่ะคร้าบ
ฝนตก ถนนลื่นด้วยแหล่ะ
กางเกงยีนนี้ ขาดหมดเลย ขนาดอย่างหนา
เสื้อก็ขาด - - ฮ่ะๆ
ถามว่าเป็นอะไรมั้ย ก็ถลอกเข่านิดหน่อยอ่ะครับ
แต่มันมีเรื่องที่ทำให้ผมประหลาดใจหน่อยๆ คือ
ผมไม่รู้สึกรู้สากับอาการบาดเจ็บนี้ดิ - - ท่าจะแย่
ตอนที่ล้มก็คือผมพยามโดดลงจากมอไซแหล่ะ เลยไม่เจ้บมาก
เข่าลงนิดหน่อย ละก็ปล่อยมอไซไหล
พอเหตุการณ์หยุดนิ่งแล้ว สิ่งแรกที่ผมคิดคือ
ผมควรจะเจ็บดีรึเปล่า ?
มอไซ ผมพังมั้ย
ลำดับต่อไปที่ผมควรจะทำต่อไปมีอะไร
แปลกใจที่ตัวเองสงบนิ่งเป็นธรรมดา เหมือนเจอเหตุการณ์ปกติ –0-
ผมเล่นกับความคิดตัวเองอีกแล้ว
รถล้มก็น่าจะรู้สึกว่าตัวเองเจ็บนี้นา
ปล. ตื่นมาพรุ่งนี้เช้าคงจาช้ำในน่าดู
เหอะๆ
เสียประวัติไม่เคยล้มหมด –3-
พอดีมีเวลาว่างวันก่อน
เลยมานั่งแยกลบเมล์ขยะ โดยใช้โปรแกรม ซิงค์เอา
ก็ไวดีเหมือนกัน จากเมล์ สี่ร้อยฉบับ
ชั่วโมงเดียวก็แยกได้เกือบหมด
เจอเมล์ดีๆ ก็เยอะ
เลยเอามาอัพลงบล็อก ครับ
[นอกเรื่อง]
ช่วงหลังๆ มานี้ ผมรู้สึกว่า ผมใช้เวลาในปัจจุบัน ดำเนินชีวิตไปกับอดีต
ผมกลับไปยังสถานที่เก่าๆ ที่ผ่านมา และใช้ชีวิตเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
- ผมกลับไปโรงเรียนบ่อยมาก เกือบสัปดาห์ละครั้ง
ทั้งๆ ที่รุ่นผม ไม่มีคนไปโรงเรียนอีกแล้ว
ผมไปโรงเรียนเพื่อไปสอนหมากล้อมเด็ก
- พวกเขาจะเห็นว่ามันเป็นสิ่งสำคัญรึเปล่า
… ผมไม่แน่ใจ
มันอาจจะเป็นการทำเพื่อตัวเอง
ที่ผมทำไปก็เพียงเพราะ มันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมยังมีชีวิตอยู่
… รึเปล่า
ผมอาจจะเคยบอกใครๆ ว่าผมไม่สนใจอดีต และไม่มีอนาคต
แต่บางที ผมก็อาจเป็นคนที่อยู่ในเขาวงกตของอดีต มากยิ่งกว่าใครๆ
ส่วนนึงในชีวิตของผม ผมใช้เวลาเพื่อตามหาความทรงจำในวัยเยาว์
… บางเรื่องแม้จะผ่านมาไม่นาน แต่ผมก็แทบจะจำเรื่องเก่าๆ ไม่ได้
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ความทรงจำหายไป บางครั้งก็พบเจอความสุข บางคราก็พบซึ่งความทุกข์
ภาพของผู้คนที่อยู่ในใจในอดีต … จะเหมือนกับภาพที่เห็นอนาคตรึเปล่า
มีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งของผม คือ ผมชอบใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยง
ผมเอาชีวิตมาเดิมพัน เป็นเดิมพันที่สูงลิ่วเลย
ผมอยากเห็นอนาคตของผม ที่ผมไม่เคยกำหนดไว้ก่อน
ใช้ชีวิตของตัวเอง เพื่อจะได้เห็นอนาคตของตัวเอง
น่าสนุกดีมั้ยครับ
…
ปล.มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากๆ นะครับ
ผมบ้าหนังสือภาพมากเลยเดี๊ยวนี้
มุมแรกในร้านหนังสือที่ผมจะเดินเข้าไปดูคือ มุมหนังสือภาพสำหรับเด็ก ???
น่าจะมีมุม หนังสือภาพสำหรับผู้ใหญ่มั่ง (ฮา)
ขอพาย้อนอดีต
ถ้าจำไม่ผิดก็ต้องย้อนกลับไปสมัย ป.3
ผมได้อ่านหนังสือภาพเรื่อยมา
ของไทยก็มีเรื่อง ตุ๊ก ตุ๊ก
เป็นเรื่องของคนขับตุ๊ก ตุ๊ก พานักท่องเที่ยงเที่ยว
แล้วเก็บกระเป๋าตังค์ได้ ก็เลยเอาไปส่งคืนเจ้าของ
เรียบๆ ง่ายๆ
ตอนนี้ผมก็ไปยืนดู(อ่าน) หนังสือพวกนี้อีกตามมุมๆ ร้านหนังสือ
ก็พบว่า บางเล่มถึงจะมีเนื้อเรื่องแบบเรียบง่าย
แต่มุมมอง เฉียบมาก
บางคนอ่านจบ
อาจจะเฉยๆ
บางคนอ่านจบ
อาจจะรู้สึกว่า คิดได้ไง (วะ)
บางคนอ่านจบ
อาจจะรู้สึกเหมือนถูกต่อย
บางคนอ่านจบ
อาจจะรู้สึกว่าไม่รู้เรื่อง (ฮ่ะๆ)
ซึ่งตอนนี้ ก็มีคนไทยเขียนหนังสือภาพเจ๋งๆ ขึ้นมาเยอะ่ขึ้น
เช่นเรื่อง nine lives , หัวไฟกับถั่วงอก
ไม่ก็พวกรวมเรื่อง เขียนกันหลายๆ คน
แต่เรื่องที่ผมชอบที่สุดตอนนี้ คืองานเขียนของ จิิมมี่ เหลียว
เป็นหนังสือภาพที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
และก็มีมุมมองของภาพน่าสนใจดี
ลองๆ หามาอ่านดูนะครับ
เมื่อวานนี้เดินเข้าร้านหนังสือ หมดเงินไปสี่ร้อยเลย Y_Y
ฮ่ัะๆ มีเท่าไหร่หมดเท่านั้นอ่ะ ขนาดไม่ค่อยเปนคนอ่านหนังสือ
ก็ไม่รุ้จะซื้อมาเก้บทำไมเยอะแยะ - -''
ปล.พอมาคิดๆ ดูแล้ว ของบนโลกที่ผมซื้อตอนนี้ ก็มีไม่ีกี่อย่าง
1.หนังสือ
2.ของเล่น ทั้งหลายแหล่ - -''
เหอะๆ
เคยเขียนไว้ในบล็อกตั้งแต่ สามสี่ ปีก่อน
เวลาฝนเริ่มตก
มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วหลับตา
รู้สึกเศร้าๆ
ถึงฝนจะตกหนัก
ถึงจะต้องตากฝน
แต่ก็ยังรู้สึกดี
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม
คงเป็นเพราะ
รู้สึกเหมือนได้ร้องไห้กลางสายฝน
ระบายอารมณ์ มั้ง
ผมรู้สึกสนุกกับฝนมากขึ้น
ขับรถตากฝน
ให้อารมณ์เหมือนอยู่คนเดียวในโลก
มองไปรอบๆ
ก็เห็นคนอื่นๆ
กลัวเปียกฝนกันหมด
ทั้งๆ ที่ ฝนไม่ได้ทำให้ใจเปียกเลย
to dance in the rain is such a pleasure...
that has to be the best weather...
to stick out your tongue ,spread you arms ,and love the world as a child does...
:D
When you're dreaming with a broken heart
The waking up is the hardest part
You roll outta bed and down on your knees
And for a moment you can hardly breathe
Wondering was she really here?
Is she standing in my room?
No she's not, 'cause she's gone, gone, gone, gone, gone....
When you're dreaming with a broken heart
The giving up is the hardest part
She takes you in with her crying eyes
Then all at once you have to say goodbye
Wondering could you stay my love?
Will you wake up by my side?
No she can't, 'cause she's gone, gone, gone, gone, gone....
Now do i have to fall asleep with roses in my hands
Do i have to fall asleep with roses in my hands?
Do i have to fall asleep with roses in my hands?
Do i have to fall asleep with roses in my , roses in my hands?
Would you get them if i did?
No you won't, 'cause you're gone, gone, gone, gone, gone....
When you're dreaming with a broken heart
The waking up is the hardest part
Dreaming With A Broken Heart - John Mayer
ปล. ไปเจอ เลยก็อบมาไว้เฉยๆ
มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว
ผมเคยเลี้ยงหมา
ตั้งชื่อมันว่า โค้ก
เป็นพันธุ์ อะไรก็ไม่รู้
เก็บได้เลยเอามาเลี้ยง
เป็นตัวเล็กๆ ไม่ได้หลังอาน ก็แปลกดี
เป็นหมาแปลกๆ นอนทั้งวัน - -''
อยู่มาวันนึง มันก็ออกลูกมา 5 ตัว
ซึ่ง . . .
มันตายหมดทั้ง 5 ตัวเลย
และผมก็เป็นคนฝังทั้งหมดเลย
จนถึงตอนนี้ หลับตานึกถึงตอนนั้นแล้ว
มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหมือนกัน
...
ผมเลี้ยงลูกหมาไว้หน้าบ้าน
กั้นไม้ไว้แล้ว
แต่มันก็ยังวิ่งออกไปถนน
โดนรถเหยียบตาย
บางตัวก็โดนมดกัดตาย
T_T
หลังจากนั้นไม่นาน
หมาโค้ก ก็หายไป
สุดท้ายผมได้ยินคนบอกว่า
มันติดอยู่ในท่อน้ำ
...
สุดท้าย ที่เขียนมานี้ ก็แค่อยากจะบอกว่า
ถึงหมามันจะหายไปจากโลกใบนี้แล้ว
แต่ผมก็ยังมีความทรงจำเกี่ยวกับมันอยู่
ดีใจที่ครั้งหนึ่งเคยได้รู้จักกัน XD
เธอคือความฝัน
ปล.ชอบอ่ะ
บทความที่ได้รับความนิยม
-
(คลิ๊กที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่) (เป็นธรรมเนียม เมื่อผมได้ดูหนังสักเรื่องก็จะมาเขียนไว้ว่าได้ดู ดีไม่ดีก็อีกเรื่อง) Infernal Affairs : สองคนเฉือ...
-
1) กระดานและเม็ดหมาก หมากล้อมเป็นเกมส์ที่เล่นบนกระดาน 19x19 หรือจะเล่นบนกระดานขนาดเล็ก 13x13 และ9x9ก็ได้ โดยแบ่งเม็ดหมากเป็นสีดำและสีขาวต่าง...
-
จากการเรียนรู้ส่วนตัวของผม ทำให้สรุป(จากประสบการณ์) เกี่ยวกับ ระดับฝีมือการเล่นหมากล้อม โดยอิง จาก Cyberoro sv Jap เป็นหลัก ได้ดังนี้ 15-20 ...
-
ตามที่จั่วหัวไว้ " ยุง " ไม่ใช่ " ยุ่ง ซึ่ง wiki อธิบายไว้ว่า ยุง เป็น แมลง ที่พบได้ทั่วโลกแต่พบมากในเขตร้อนและเขตอบอุ่น จ...
-
( เป็นมุมมองส่วนตัว ) และ (ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น ) ( มันก็แค่มุมมองของคนอายุ 23 ปี ) ความหมายของชีวิต ตลอดช่วงชีวิตของพวกเรา ไม่...