28.8.51













































เห็นแปลไว้ เจ๋งดี
:ทายนิสัยจากหมู่เลือด

กดที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่

18.8.51

พอดีผมไปเจอ มาจาก Journal

ของเพื่อนม.ต้น ชื่อ ฟูฟู


เห็นว่าน่าสนใจดีเหมือนกัน

ก็เลยเอามาให้อ่านต่อๆ กัน ครับผม

มาลองอ่านดูนะครับ







ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ

ฉันก็นั่งขยำปุ่มตัวเลข 2 ,4, 6, 8 บนแป้นโทรศัพท์มือถือหน้าจอขาว-ดำไฟเหลือง

ให้เปลืองเวลาและสติปัญญาเล่นๆ

แต่เหมือนมีดวงตาเห็นธรรม
มันทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง จากการดูงูเลื้อยๆกินก้อนแต้มทุกวัน





---ถ้า คุณเลือกระดับ(level) ต่ำๆ ที่ให้คะแนน 1-5 ต่อก้อนแต้ม

เจ้างูน้อยของคุณก็จะเดินทางไปอย่างช้าๆน่าเบื่อนิดๆ

แต่คุณจะมีเวลาและที่ว่างมากพอที่จะคิดได้ว่า

ต่อไปควรเลื้อยไปทางไหน ควรกดปุ่มใด เดินหน้า ขึ้นบน ลงล่าง หรือวกกลับ

เพื่อไปกินก้อนแต้มมูลค่าน้อยนิดให้ตัวค่อยๆยาวขึ้นแต่ว่าปลอดภัย


-
--หลายๆคน อาจเป็นเช่นนั้น

---แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าใครต่อใครที่เล่นเกมงู

ต่างก็เลือกที่จะตั้งค่าก้อนแต้มที่ระดับสูงสุดหรือเกือบจะสูงที่สุด นั่นคือ 8 หรือ 9 แต้ม....

นั่นก็เพราะว่ามันรวดเร็ว สนุก เร้าใจ ท้าทายความสามารถ ตอบสนองความรู้สึกได้อย่างเฉียบพลัน...

และมูลค่าเพิ่มของคะแนนสะสมที่ แสดงอยู่มุมล่างของหน้าจอโทรศัพท์นั้นเป็นตัวกระตุ้นตัวดีนักแล...

จาก 9 เป็น 18 เป็น27 เป็น 36 เป็น45


และก้อนแต้มก้อนใหญ่กว่าปกติก็จะโผล่มา(ที่เรียกกันว่า up น่ะ)

ถ้ากินได้เร็ว คะแนนก็อาจเพิ่มเป็น 458 หรือถ้ากินได้ช้าก็เป็น212 อะไรประมาณนี้...

มันย่อมรู้สึกดีกว่าการเห็น 1 เป็น 2 เป็น 3 หรือเห็น 2 เป็น 4 เป็น 6 แน่ๆล่ะ...

ที่ช้าเสียจนหงุดหงิดและกว่าที่จะพิชิตแต้มได้ถึงขั้น 3 หรือ 4พัน

อาจเล่นจนแบทหมดหรือหมดเวลาไปครึ่งค่อนวัน





---ถ้าสมมติว่ามันเป็นเงินแล้ว
เก็บเงินวันละบาท กับวันละ 9 บาทก็ต่างกัน
ยิ่งถ้าเติมเลข 0 ตามแล้วด้วยก็ยิ่งจะไกลห่างกันไปใหญ่





---ข้อ คิดที่ดีข้อหนึ่งจากเกมงู้นี้เห็นจะชัดเจนที่เรื่องการสะสมเงินทอง
ลองเก็บที่ละ 9 บาทไปเรื่อยๆ และบางคราวก็หยอดก้อนใหญ่ๆสัก2-3ร้อย
แป็บๆ ก็จะเห็นเงินสี่ซ้าห้าร้อยแล้ว




---แต่ถ้าคิดแบบนั้น กับบางเรื่อง ก็อาจเป็นดาบสองคม ...........
บางครั้งการเดินเร็วๆ ก็ตายเร็ว.....
เร็วเกินไป เราก็ควบคุมมันไม่ได้....
โลภเกินไปยิ่งเสี่ยงที่จะทำร้ายตัวเอง...
ก็คงจะเคย เป็นกันที่พอเห็นอัพก้อนโตๆโผล่ขึ้นมาแล้วกระพริบวาบๆแล้วเราก็รีบที่จะวก กลับไปกิน...
คงเห็นภาพงูกัดหางตัวเอง หรือกัดกินตัวเองตายบ่อยๆกันนะ...

งูโนเกียก็คงไม่ต่างจากคนทุกวันนี้
เดินเร็ว...รับเยอะ...กัดกินตัวเอง...ไม่รู้เนื้อรู้ตัว...ตาย



---แต่จะว่าไปนะ เดินเร็วเดินช้า ก็ตายเหมือนกันแหละ
ว่าแต่ว่าตอนที่ยังเลื้อยๆอยู่เนี่ยทำอะไรได้มากมาย
แค่ไหน






credit : fufu
13.8.51


มาแนะนำหนังสือ How to ดีๆ สักเล่ม ในรอบ หลายๆปี ที่ผมได้พบเจอ
ปกติแล้ว ผมว่าหนังสือพวกนี้ มันก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ฝืดๆ ฝืนๆ ไป
คนเขียนบางคนก็สักแต่ว่าเขียนไป แต่คนทำจะทำได้รึเปล่าไม่รู้
รึไม่ก็มาแบบอุดมคติจ๋า เช่น เอ็งทำอย่างนั้นนะ ทำอย่างนี้นะ
เจอแบบนี้ ผมก็ขำๆ ไป


ซึ่งจริงๆ แล้วหนังสือพวกนี้ ก็เป็นหนังสือที่ผมอ่านบ่อยที่สุด
เพราะผมคิดว่ามันอาจจะช่วยให้ผมประหยัดเวลา
อย่างน้อยๆ สัก 5-10 % ก็ยังดี
มันก็เหมือนอ่านประสบการณ์ของคนอื่น




หนังสือที่ผมจะมาแนะนำ ชื่อ

พลิกความคิด ชีวิตดีสุด


ซึ่งคนเขียนเป็น
ชาวเกาหลี
(วิธีการทั้งหมดเป็นมุมมองของพ่อซึ่งเป็นนักจิตวิทยา เขียนอีเมลสอนลูกชายของเขาได้ผลมาแล้ว)
สิ่งหนึ่งที่ผมพบว่าดีมากๆ ในเล่มนี้คือ ไม่พยามยัดเยียดมากเกินไปนัก
ไม่พยามกระตุ้น อะไร ให้รู้สึกเหมือนโดนทุบหัว
แต่สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้คือ

ความเป็นจริงจากสภาพสังคม ที่ทำให้เราีรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ๆ ตัวเรา

ผมไม่แน่ใจว่าสังคมไทย รึของสังคมเกาหลีที่เขายกตัวอย่างมา
แต่ตัวอย่างในเล่ม ผมว่าค่อนข้างใกล้ เคียงกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้จากบทสรุปอื่น ๆ อย่างเช่น
ทำไม ก่อนสอบร้านเหล้ายังมีคนเต็ม
ทำไม อ่านหนังสือต้องอ่านในห้องสมุด
การดูโทรทัศน์ การใช้โทรศัพท์ และเวลาในชีวิต

ซึ่งเขาก็อธิบายได้น่าสนใจดี


จริงๆ ผมก็ยังอ่านได้ครึ่งเล่ม
ก็เพราะว่า คิดว่ามันเป็นหนังสือที่ต้องค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ คิดไปทีละนิด
ถ้าเป็น How To เล่มอื่นๆ นี้ อย่างมาก ไม่เกิน 1 ชม. ก็อ่านจบแล้ว

ที่ผู้เขียนอธิบายไว้ในคำนำก็ประมาณนี้
1. อย่าอ่านผ่านๆ เน้นๆ ๆ ให้สมใจ 2. อ่านอย่างสบายๆ ตามใจเธอ
3. อย่าอ่านแบบคล้อยตาม 4. ไม่เห็นด้วยก็ไม่แปลก

*หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ขอให้ย้อนกลับไปดูส่วนที่เธอทำเครื่องหมาย
จะทำให้เธอรู้สึกว่า
ไม่ได้อ่านหนังสือที่คนอื่นเขียน
แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังอ่านหนังสือที่เขียนขึ้นมาด้วยมือของเธอเอง*

จริงๆ แล้วการทีคนเราจะเปลี่ยนแปลงความคิดโดยตัวเองนั้นเป็นเรื่องยาก
- การได้พบเจอผู้คน พบเจอประสบการณ์ชีวิต ต่างๆ ถึงจะทำให้มีความคิดเติบโตขึ้น


แต่การอ่านหนังสือเล่มนี้
อย่างน้อยๆ ก็เปลี่ยนความคิดของผมได้บ้าง



ผมยกนิ้วโป้ง ให้เลยที่เดียว เป็นหนังสือที่ควรซื้อติดบ้านไว้
ถ้ามีวาสนา ขอให้ได้อ่านกันนะคร้าบบบบบบ

จุดเด่น :
-ได้รับเลือกเป็นหนังสือดีที่เยาวชนควรอ่าน
-Bestseller ครองใจวัยรุ่นในเกาหลี ยอดขายกว่า 240,000 เล่ม



Link : พลิกความคิด ชีวิตดีสุดๆ



บทความที่ได้รับความนิยม

แวะมาแล้ว

ขับเคลื่อนโดย Blogger.